ตอนที่ 4
ลูกศรมาช่วยมุนินทร์แต่งชุดไทยในห้อง อดทึ่งกับความสวยสดงดงามของเพื่อนรักไม่ได้
“จำได้ไหมนิน...สมัยเรียนนิวยอร์ก ตอนเราไปทำบุญที่บ้านพี่หน่อง แกแต่งชุดไทยคนฮือทั้งงาน เป็นครั้งแรกครั้งเดียวที่ฉันเห็นแกแต่งแบบนี้แล้ววันนี้ฉันก็เห็นแกแต่งไทยอีกครั้ง...วันที่แกจะเป็นเจ้าสาว...งดงามได้ใจ”
มุนินทร์ยิ้มบางๆพลางคิดถึงมุตตาน้องสาวฝาแฝด “คนที่แต่งชุดไทยแล้วงามได้ใจคือตาต่างหาก ตอนรุ่นๆแม่จับตาเดินสายประกวดนางนพมาศทุกปี เสียดาย...ตาไม่ได้แต่งทั้งๆที่การเป็นเจ้าสาวเป็นฝันสูงสุดของตา”
สีหน้าเศร้าหมองของมุนินทร์ทำให้ลูกศรพลอยเศร้า เข้าใจและเห็นใจมาตลอดแต่ไม่ทันพูดอะไรพิณก็มาบอกให้เตรียมตัวเพราะพิธีกำลังจะเริ่ม วีกิจมาถึงแล้วพร้อมขบวนขันหมากโดยมีเจนศึกเป็นผู้ใหญ่ช่วยแจกซองผ่านประตู
บรรยากาศงานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้แขกไม่ได้รับเชิญอย่างฤทัยกับป้างซึ่งแอบเนียนเข้ามาขโมยอาหารอิจฉาและช่วยกันวางแผนขโมยขนมมงคลของงาน...
ooooooo
นพนภาไม่ได้ไปร่วมงานแต่งของวีกิจกับมุนินทร์แต่โผล่ไปดูศรุตพูดเรื่องบำบัดความเครียด ศรุตดีใจที่เห็นเธอ แม้เจ้าตัวจะทำท่าเหมือนไม่ยินดียินร้ายแต่เขาก็ตะล่อมให้เธอไปกินข้าวด้วยจนได้
“ฉันยอมรับก็ได้...ฉันตั้งใจมาพบคุณ เพราะอ่านบทความของคุณแล้วสงสัยว่ากรณีฉันมันน่าศึกษาตรงไหน”
“อืม...อย่างยิ่งยวดเลยครับ เพราะความคิดของคุณมันค้านกับทฤษฎีผมหมดเลย คุณไม่เชื่อในเรื่องมองโลกอย่างเป็นธรรม คุณไม่เชื่อในเรื่องการปล่อยวางและคุณเชื่อว่าความรุนแรงเท่านั้นคือทางออกของปัญหา”
“ใช่...ฉันเชื่ออย่างนั้น ตาต่อตา ฟันต่อฟันนั่นแหละทำให้ฉันล้างบางศัตรูได้ราบคาบ ทำให้ฉันมีความสุขที่สุด”
“มีความสุขเหรอครับ...ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงมานอนโรงพยาบาลและถูกส่งมาแผนกจิตเวชล่ะครับ”
“นี่คุณสืบเรื่องของฉันเหรอ”
ศรุตยิ้มยอมรับก่อนเปิดคลิปเธอตบตีกับมุนินทร์ ยืนยันว่าเห็นทุกอย่างจริงๆ นพนภาอึ้งมาก พูดไม่ออกศรุตเห็นดังนั้นจึงรีบพูดเข้าเรื่องที่ตัวเองสนใจ
“ช่วยเล่าหน่อยได้ไหมครับ มันเกิดอะไรขึ้นถึงต้องทำรุนแรงกันถึงขนาดนั้น”
“นี่...ฉันยังไม่ตกลงให้คุณมาเป็นที่ปรึกษาฉันเลยนะ”
“โธ่...บอกแล้วไงครับ ผมจ่ายคุณเอง คิดเป็นชั่วโมง”
“ไม่ใช่เรื่องเงิน...ประวัติคุณน่ะที่ฉันติดใจ คุณไม่ได้เรียนทางจิตวิทยา ไม่ได้เป็นจิตแพทย์จะมาบำบัดฉันได้ยังไง ประวัติเดิมคุณครีเอทีฟโฆษณาไม่ใช่เหรอ”
คำถามของนพนภาทำให้ศรุตหน้าเจื่อนเล็กน้อยก่อนเปลี่ยนเป็นยิ้มรับ “ครับ...ผมไม่ได้เรียนมาทางนี้โดยตรงแต่ก็ศึกษาเรื่องจิตวิทยามาบ้าง...ก็อย่าเรียกว่าบำบัดเลยครับ ให้ผมเป็นเพื่อนพูดคุยรับฟังคุณก็แล้วกัน”
“แล้วจะเยียวยาอะไรฉันได้”
“บางครั้งการมีเพื่อนไว้รับฟังปัญหามันเยียวยาจิตใจได้มากกว่าการบำบัดใดๆเลยนะครับ”
ooooooo










